ช่วยลูกเรียนออนไลน์

เคล็ดไม่ลับในการสนับสนุนการเรียนออนไลน์ของเด็ก ๆ

แม้ว่าการเรียนในรูปแบบออนไลน์จะกลายเป็นกิจกรรมหลักของเด็ก ๆ ในช่วงที่โรงเรียนปิดจากการระบาดของโรค COVID-19 แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ก็ยังไม่สามารถทดแทนการเรียนในห้องเรียนจริง ๆ ได้อยู่ดี ยังมีเด็กในกลุ่มเปราะบางที่สุดอีกจำนวนมากที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ครูผู้สอนจำนวนมากที่ขาดทรัพยากรในการปรับตัวเข้าสู่รูปแบบการเรียนการสอนออนไลน์ ขณะเดียวกัน นักเรียนจำนวนไม่น้อยก็ไม่สามารถเข้าถึงหลักสูตรและสื่อการเรียนการสอนที่เหมาะสมกับการเรียนออนไลน์ได้

เด็ก ๆ ที่ขาดโอกาสส่วนใหญ่ ก็ไม่สามารถเข้าถึงห้องเรียนทางไกลได้เช่นกัน เนื่องจากขาดแคลนอุปกรณ์และการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตสำหรับการเรียนรู้ทางไกล เด็ก ๆ ที่อายุน้อย ไม่สามารถเรียนทางไกลได้ เพราะขาดการสนับสนุนให้ใช้เทคโนโลยี ในหลายครอบครัวอาจต้องผลัดกันใช้พื้นที่และอุปกรณ์สำหรับการเรียนในแต่ละครั้ง นี่จึงถือเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพโดยปราศจากสิ่งรบกวน

หากปราศจากการสนับสนุนในการเรียนออนไลน์ เด็กจำนวนมากจะต้องประสบกับปัญหาการเรียนรู้ที่หายไป ความเครียด และโอกาสเสี่ยงที่จะต้องออกจากโรงเรียนก็เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กเล็กที่อยู่ในช่วงพัฒนาการที่สำคัญ ในบทความนี้ เราขอนำเสนอแนวทางสำหรับพ่อแม่ผู้ปกครอง ในการช่วยให้เด็กในแต่ละช่วงวัยสามารถเอาชนะความท้าทายของสภาพแวดล้อมในการเรียนรู้วิถีใหม่นี้ เพื่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้ที่ดีขึ้น

ช่วยลูกเรียนออนไลน์

สิ่งจำเป็นต่อการเรียนออนไลน์ของเด็ก
เด็กในแต่ละช่วงวัยมักเผชิญกับความท้าทายที่แตกต่างกันออกไปในการเรียนรู้ทางไกล ผู้ปกครองจึงควรเข้ามามีบทบาทสำคัญในการช่วยให้เด็กได้เรียนรู้ และพัฒนาได้อย่างเต็มศักยภาพ ดังนี้

สำหรับเด็กเล็ก การเรียนรู้และพัฒนาทักษะอย่างมีประสิทธิภาพนั้นมักเกิดจากการโต้ตอบกับเพื่อนร่วมชั้นและครูผู้สอน ซึ่งในการเรียนออนไลน์ พ่อแม่ผู้ปกครองสามารถเสริมสร้างการเรียนรู้ของเด็ก ๆ ได้ ด้วยการทำกิจกรรมเชิงปฏิบัติร่วมด้วย เช่น การอ่านหนังสือ การปั้นดินน้ำมัน การต่อตัวต่อ และการวาดภาพ ตลอดจนการฝึกทักษะด้านภาษาผ่านการสนทนา

สำหรับวัยรุ่น พวกเขามักรู้สึกเครียดกับการเรียนออนไลน์ เนื่องจากความเหงา และการต้องแยกตัวจากกลุ่มเพื่อนเป็นเวลานาน ประกอบกับปริมาณงานที่เพิ่มมากขึ้น ใช้เวลาอยู่หน้าจอนานขึ้น และได้รับการสนับสนุนช่วยเหลือแบบตัวต่อตัวน้อยลง พ่อแม่ผู้ปกครองสามารถช่วยพวกเขาบริหารจัดการความเครียดได้โดยการรับฟัง ส่งเสริมให้เด็กได้มีช่วงพักบ่อย ๆ และเสนอตัวให้การช่วยเหลือ

เคล็ดไม่ลับสำหรับผู้ปกครองในการช่วยลูกเรียนออนไลน์
“การสื่อสารเชิงบวกช่วยดูแลสุขภาพจิตของเด็ก ๆ”

การเป็นผู้ฟังที่ดี การสร้างพื้นที่ปลอดภัยสำหรับการพูดคุย และการให้การสนับสนุนทางอารมณ์ จะช่วยให้เด็กจัดการกับความเครียดได้ดียิ่งขึ้น ทั้งยังเสริมสร้างความผูกพันในครอบครัว และทำให้เด็กกล้าและไว้ใจที่จะแบ่งปันเรื่องราวต่าง ๆ กับผู้ปกครองมากขึ้น รวมไปถึงการสื่อสารความรู้สึกของตนเองออกมาอย่างเปิดเผย ทั้งนี้ การสื่อสารเชิงบวกยังช่วยสนับสนุนด้านสุขภาพจิตของเด็ก โดยพ่อแม่ผู้ปกครองสามารถมีส่วนร่วมได้ดังนี้

1.รับฟังเรื่องราวด้วยความเห็นอกเห็นใจพร้อมให้คำแนะนำ
2.ให้เวลากับลูกมากขึ้น เพื่อช่วยเหลือและสนับสนุนการดูแลทางด้านอารมณ์และจิตใจ
3.พูดคุยและขอคำแนะนำจากพ่อแม่ผู้ปกครองคนอื่น ๆ และส่งเสริมให้เด็ก ๆ สามารถพึ่งพาความช่วยเหลือจากเพื่อน ๆ ได้
4.ให้คำชม-แสดงความภูมิใจกับความพยายามและความสำเร็จของเด็ก ๆ
5.หลีกเลี่ยงการใช้กำลัง การบีบบังคับ และความกดดัน
6.ส่งเสริมให้เด็กเข้าใจ และยอมรับกับสถานการณ์ความเป็นจริง และความรู้สึกของพวกเขา
7.เป็นแบบอย่างที่ดี ด้วยพฤติกรรมที่แสดงถึงวินัย ความรับผิดชอบ และการให้เกียรติผู้อื่น และแสดงตัวอย่างให้เห็นว่าการทำงานจากที่บ้าน เป็นอะไรที่สามารถจัดการได้

“สนับสนุนทุกความต้องการในการเรียนรู้” การสนับสนุนเด็ก ๆ ในเรื่องความต้องการการเรียนรู้เฉพาะทางของพวกเขา จะช่วยให้กระบวนการการเรียนรู้ออนไลน์เป็นไปได้อย่างราบรื่น อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความมั่นใจและโอกาสในการเอาชนะความท้าทายได้ด้วยตนเอง โดยพ่อแม่ผู้ปกครองสามารถให้การสนับสนุนได้ดังนี้

1.สร้างกิจวัตรประจำวัน และส่งเสริมลักษณะนิสัยให้เด็กมีความรับผิดชอบต่อการเรียน
2.กำหนดเวลาการใช้หน้าจอ หรืออุปกรณ์สื่อสารอื่น ๆ อย่างเหมาะสม
3.สร้างสภาพแวดล้อมที่ดี เพิ่มพื้นที่ที่เอื้อต่อการเรียนออนไลน์
4.ส่งเสริมให้เด็กกำหนดเป้าหมายสำหรับอนาคต สอนให้รู้จักการวางแผนและการจัดการเวลา รวมถึงการบริหารจัดการอารมณ์ของตนเอง

เคล็ดลับสำหรับโรงเรียนและคุณครูในการสนับสนุนพ่อแม่ผู้ปกครองในการเรียนออนไลน์อย่างมีประสิทธิภาพของเด็ก ๆคุณครูเองก็สามารถช่วยเหลือให้พ่อแม่ผู้ปกครอง สนับสนุนการเรียนออนไลน์ของเด็ก ๆ ได้ ดังนี้

1.อธิบายถึงภาพรวมเกี่ยวกับสิ่งที่จำเป็นสำหรับเด็กแต่ละคนให้พ่อแม่ผู้ปกครองได้รับทราบ
2.พูดคุยถึงความคืบหน้าของนักเรียนและความท้าทายที่พวกเขากำลังเผชิญ หากสามารถระบุความต้องการเหล่านั้นได้ การจัดหาทรัพยากรที่เหมาะสมสำหรับครอบครัวก็ไม่ใช่เรื่องยาก

แม้ว่าการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 จะส่งผลกระทบต่อการเรียนรู้ที่โรงเรียน แต่ด้วยการสนับสนุนจากพ่อแม่ผู้ปกครองและคุณครู เด็ก ๆ ก็จะยังคงสามารถเรียนรู้และพัฒนาต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ southvanislebnb.com

Releated